ออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบของคนทำงานยุคใหม่ รู้ทัน ป้องกัน และรักษาได้ ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี
29 กรกฎาคม 2568

ออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบของคนทำงานยุคใหม่ รู้ทัน ป้องกัน และรักษาได้ ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี
ในยุคดิจิทัลที่การทำงานแบบนั่งโต๊ะ (Desk Job) กลายเป็นเรื่องปกติ ภาวะสุขภาพหนึ่งที่กำลังคุกคามคนทำงานจำนวนมากคือ "ออฟฟิศซินโดรม" (Office Syndrome)
ออฟฟิศซินโดรมไม่ใช่แค่เพียงอาการปวดเมื่อยธรรมดา แต่เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานในอิริยาบถเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย การจัดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เหมาะสม หรือการมีความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูกโดยตรง และหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานได้
ทำความเข้าใจ "ออฟฟิศซินโดรม" คืออะไร?
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งไม่ได้เป็นโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นภาวะที่รวมเอาอาการปวดเมื่อย อักเสบ หรือชาของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาท ที่เกิดจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน หรือการใช้ร่างกายในอิริยาบถซ้ำๆ โดยไม่มีการพักผ่อนหรือปรับเปลี่ยนท่าทางที่เหมาะสม
กลไกการเกิดอาการ
- การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ เมื่อเรานั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อบางส่วน เช่น กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ จะต้องทำงานหนักและเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อพยุงศีรษะและลำตัว
- การกดทับของเส้นประสาท การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ หรือท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งไขว่ห้าง การวางแขนที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการกดทับของเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการชา หรืออ่อนแรงได้
- การไหลเวียนเลือดไม่สะดวก การนั่งอยู่กับที่นานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหว ทำให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ใช้งานหนักลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาดออกซิเจนและสารอาหาร เกิดการสะสมของของเสีย ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยและอ่อนล้า
- ความเสื่อมของโครงสร้างร่างกาย หากปล่อยให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวและเกิดการอักเสบเรื้อรังเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ความเสื่อมของกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก และข้อต่อต่างๆ ได้
- ปัจจัยเสริม เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ เสียงดัง อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จิตใจไม่สบาย เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการแย่ลงได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม
มะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ทำให้หลายคนละเลย กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อโรคดำเนินไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม หากหมั่นสังเกตตัวเอง จะพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ได้
1. พฤติกรรมการทำงานที่ไม่เหมาะสม
- นั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง หลังงอ ไหล่ห่อ ก้มหน้ามากเกินไป วางแขนไม่ถูกหลัก
- นั่งทำงานนานเกินไป ไม่มีการลุกเดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ
- การใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดซ้ำๆ เช่น การพิมพ์งาน หรือการคลิกเมาส์เป็นเวลานาน
- การถือโทรศัพท์แนบไหล่ ขณะที่มือยังคงทำงาน
2. สภาพแวดล้อมการทำงาน
- โต๊ะ เก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม ไม่สามารถปรับระดับให้เข้ากับสรีระร่างกายได้
- จอคอมพิวเตอร์ ระดับความสูงไม่พอดี ระยะห่างไม่เหมาะสม
- แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเพ่งสายตา
- อากาศไม่ถ่ายเท
3. ปัจจัยส่วนบุคคล:
- ขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงและขาดความยืดหยุ่น
- ความเครียดสะสม ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ ที่ส่งผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
อาการของ "ออฟฟิศซินโดรม" สังเกตอย่างไร?
ออฟฟิศซินโดรมมักแสดงอาการได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ โดยอาการจะเริ่มจากเล็กน้อยและค่อยๆ รุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการแก้ไข
1. อาการทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ (พบบ่อยที่สุด)
- ปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาจปวดเมื่อย เจ็บตึง หรือมีอาการปวดร้าวไปที่ศีรษะ ทำให้ปวดหัวเรื้อรังได้
- ปวดหลัง โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนบน หรือหลังส่วนล่าง อาจปวดร้าวลงสะโพก หรือขาได้
- ปวดข้อมือ ข้อศอก แขน เช่น อาการปวดข้อศอกด้านนอก (Tennis Elbow) หรือด้านใน (Golfer's Elbow), อาการชา หรือปวดบริเวณข้อมือจากพังผืดทับเส้นประสาท (Carpal Tunnel Syndrome)
- ปวดสะโพก ก้นกบ จากการนั่งนานๆ หรือนั่งทับเส้นประสาท
- อาการปวดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด คลำพบก้อนแข็ง หรือจุดกดเจ็บ (Trigger Point) ในกล้ามเนื้อ เมื่อกดจะเจ็บมากและอาจร้าวไปที่อื่น
2. อาการทางระบบประสาท
- อาการชา มักพบที่นิ้วมือ ฝ่ามือ หรือแขน จากการกดทับเส้นประสาท
- อาการอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง เช่น กำมือไม่ถนัด ยกแขนไม่ขึ้น
- ปวดร้าว อาการปวดที่ร้าวจากต้นคอลงแขน หรือจากหลังลงขา ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
3. อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ปวดศีรษะเรื้อรัง มักเป็นอาการปวดตึงที่ท้ายทอย ร้าวขึ้นไปขมับ หรือกระบอกตา
- ตาล้า ตาพร่า ตาแห้ง จากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- เวียนศีรษะ บ้านหมุน
- นอนไม่หลับ เนื่องจากอาการปวด
- อารมณ์หงุดหงิด เครียดง่าย จากความไม่สบายกาย
- ความสามารถในการทำงานลดลง ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
*หากคุณมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากทำงาน ควรตระหนักว่าคุณกำลังเผชิญกับออฟฟิศซินโดรม และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา เพราะอาการเหล่านี้สามารถพัฒนาไปสู่ภาวะเรื้อรังที่รักษายากขึ้นได้
การวินิจฉัยและการรักษา "ออฟฟิศซินโดรม": กายภาพบำบัดคือทางออก
การวินิจฉัยออฟฟิศซินโดรมมักทำโดยแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัด จากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจประเมินท่าทางการทำงาน ส่วนการรักษาจะเน้นที่การบรรเทาอาการ การแก้ไขต้นเหตุ และการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
1. การวินิจฉัย
- การซักประวัติ แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะสอบถามเกี่ยวกับลักษณะงาน ท่าทางการทำงาน ระยะเวลาที่นั่งทำงาน อาการที่เกิดขึ้น ตำแหน่งที่ปวด ความถี่ และความรุนแรงของอาการ
- การตรวจร่างกาย ตรวจประเมินกล้ามเนื้อ โครงสร้างกระดูก ความยืดหยุ่น การเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ คลำหาจุดกดเจ็บ หรือกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว
- การประเมินท่าทางการทำงาน (Ergonomics Assessment) เป็นการประเมินสภาพแวดล้อมและท่าทางการทำงานของผู้ป่วย เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
- การตรวจทางรังสีวิทยา (X-ray, MRI) ในบางกรณี หากสงสัยว่าอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือมีความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก แพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติม
2. แนวทางการรักษาที่แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี
การรักษาออฟฟิศซินโดรมที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ควรเน้นไปที่การแก้ไขสาเหตุและฟื้นฟูความสมดุลของร่างกาย ซึ่ง แผนกกายภาพบำบัด มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี เรามีทีม นักกายภาพบำบัด และเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมให้บริการดูแลท่านอย่างครบวงจร
- การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด
- เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อลดการอักเสบ เพิ่มการไหลเวียนเลือด และคลายกล้ามเนื้อ
- เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation Therapy) ช่วยลดปวด ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- เครื่องเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser Therapy) ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในระดับเซลล์
- เครื่อง PMS หรือ Peripheral Magnetic Stimulation เป็นเครื่องมือที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เพื่อบำบัดอาการปวด ชา และฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย โดยสามารถลงลึกได้ถึงเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ และกระดูก
- เครื่อง Shockwave หรือ คลื่นกระแทก ที่ส่งผ่านพลังงานไปยังบริเวณที่บาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ ลดอาการปวด และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง หรืออาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เช่น ออฟฟิศซินโดรม, รองช้ำ, ข้อศอกอักเสบ
- การประคบร้อน/เย็น (Hot/Cold Pack) ช่วยลดปวด ลดบวม และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การรักษาด้วยมือ (Manual Therapy)
- การนวดบำบัด (Therapeutic Massage): เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว ลดจุดกดเจ็บ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- การดัดดึงข้อต่อ (Joint Mobilization/Manipulation): เพื่อเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่ติดขัด
- การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching): โดยนักกายภาพบำบัด เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
การออกกำลังกายบำบัด (Therapeutic Exercise)
- การบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เพื่อให้สามารถพยุงร่างกายและรองรับการทำงานได้ดีขึ้น
- การบริหารเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ท่าทางการยืดเหยียดที่ถูกต้องและเหมาะสม
- การฝึกปรับท่าทาง (Postural Training) นักกายภาพบำบัดจะสอนและแนะนำท่าทางการนั่ง ยืน เดิน ที่ถูกต้องเหมาะสมกับสรีระและการทำงาน
- การปรับท่าทางการทำงาน (Ergonomic Modification) ให้คำแนะนำในการจัดโต๊ะ เก้าอี้ จอคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ป่วย เพื่อลดภาระของร่างกายและป้องกันการเกิดซ้ำ
การให้ความรู้และคำแนะนำ (Education and Advice)
- แนะนำท่าทางการพักเบรกระหว่างวัน หรือการบริหารร่างกายง่ายๆ ที่ทำได้ระหว่างทำงาน
- แนะนำวิธีการปรับพฤติกรรม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดออฟฟิศซินโดรม
- แนะนำการดูแลตนเองที่บ้าน
3. การรักษาอื่นๆ ที่อาจจำเป็น
- การใช้ยา
- ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ
- ยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ - การฉีดยา ในบางกรณีที่อาการรุนแรง หรือมีจุดกดเจ็บเฉพาะที่ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหา เช่น การฉีดโบทอกซ์ หรือสารสเตียรอยด์ (ตามดุลยพินิจของแพทย์)
*สิ่งสำคัญคือการรักษาที่แผนกกายภาพบำบัด ไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการปวด แต่ยังช่วยแก้ไขต้นเหตุของปัญหา ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำในระยะยาว
การป้องกัน "ออฟฟิศซินโดรม": เคล็ดลับเพื่อสุขภาพที่ดีของคนทำงาน
การป้องกันออฟฟิศซินโดรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการแก้ไขพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ และช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
1. ปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้องตามหลัก Ergonomics
-
ท่านั่ง
- หลังตรงแนบพนักพิง ควรใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับหลังส่วนล่าง และสามารถปรับระดับได้
- เท้าแตะพื้นราบ หรือวางบนที่พักเท้า เพื่อให้สะโพกและเข่าทำมุม 90-100 องศา
- เข่าอยู่ระดับเดียวกับสะโพก หรือต่ำกว่าเล็กน้อย
- ข้อศอกทำมุม 90 องศา วางแขนบนที่วางแขน หรือบนโต๊ะ เพื่อลดภาระที่ไหล่และคอ -
ระดับจอคอมพิวเตอร์
- ขอบบนของจออยู่ระดับสายตา หรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อไม่ต้องก้มหน้า
- ระยะห่างจากหน้าจอ ประมาณ 1 ช่วงแขน (50-70 เซนติเมตร) -
แป้นพิมพ์และเมาส์:
- วางให้ใกล้ตัว เพื่อให้ข้อศอกอยู่ในมุม 90 องศา
- ข้อมือตรง ไม่หักข้อมือขึ้นหรือลง
- ใช้เมาส์และคีย์บอร์ดที่เหมาะสมกับสรีระ
2. ลุกเปลี่ยนอิริยาบถและพักเบรกเป็นประจำ
- พักทุก 20-30 นาที ลุกเดิน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือพักสายตาเป็นเวลาสั้นๆ
- พักใหญ่ทุก 1-2 ชั่วโมง ลุกไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือเดินออกกำลังกายเบาๆ
3. บริหารร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ:
- ท่าบริหารคอ บ่า ไหล่ เช่น ก้มเงยคอ หมุนคอ เอียงคอ สลับซ้ายขวา ยกไหล่ขึ้นลง หมุนหัวไหล่
- ท่าบริหารข้อมือและมือ หมุนข้อมือ กำมือแบมือ ยืดเหยียดนิ้วมือ
- ท่าบริหารหลัง ก้มแตะปลายเท้า ยืดเหยียดหลังส่วนบน
- การออกกำลังกายทั่วไป เดิน วิ่ง โยคะ ว่ายน้ำ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดี และรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย
5. พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด
- การนอนหลับที่มีคุณภาพ ช่วยให้กล้ามเนื้อและร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
- หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ทำสมาธิ
6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ
- ไม่นั่งไขว่ห้างนานๆ
- ไม่ใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์ขณะทำงาน
- ไม่สะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว
เมื่อไหร่ที่ควรมาปรึกษาแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี?
หากคุณมีอาการที่เข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม และอาการเหล่านี้เริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือการทำงานของคุณ ไม่ควรรอช้า ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัด ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี ทันที
- มีอาการปวดเรื้อรัง ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ข้อมือ หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ที่ไม่หายไปเอง หรือเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
- มีอาการชา หรืออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณมือ แขน หรือขา
- มีจุดกดเจ็บ หรือก้อนแข็งในกล้ามเนื้อ
- อาการปวดรบกวนการนอนหลับ
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- คุณพยายามปรับเปลี่ยนท่าทางแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
- ต้องการคำแนะนำในการจัดสภาพแวดล้อมการทำงาน (Ergonomics) ที่ถูกต้อง
ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี เรามีแผนกกายภาพบำบัดที่ได้มาตรฐาน พร้อมด้วยนักกายภาพบำบัดผู้มีประสบการณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย เราพร้อมที่จะประเมินอาการ วางแผนการรักษาที่เหมาะสม และให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้คุณกลับมามีสุขภาพที่ดี หายจากอาการปวด และใช้ชีวิตการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
มีคำถามเกี่ยวกับ ออฟฟิตซินโดรม ?
สอบถามฟรี รับคำตอบได้ทันที ทางช่องทาง LINE เพื่อความสบายใจของคุณ
ช่องทางการซื้อแพ็กเกจและโปรโมชั่น
ออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทำงานยุคปัจจุบัน เกิดจากพฤติกรรมการทำงานที่ไม่เหมาะสมและการขาดการดูแลตนเอง
แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ก็อาจนำไปสู่ภาวะปวดเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานได้
สามารถปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี
โทร 05-604-9899 "ไม่ต้องห่วง ให้เราช่วยดูแล"
อ้างอิง :
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบที่ต้องใส่ใจ : https://hp.anamai.moph.go.th/th/office-syndrome/22815
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. ออฟฟิศซินโดรม...โรคยอดฮิต: https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/office-syndrome
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. รู้ก่อน แก้ก่อน โรคออฟฟิศซินโดรม: https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/articles/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B8%B4/
- สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย. บทบาทของนักกายภาพบำบัดกับ Office Syndrome: http://www.thailandpt.org/attachments/article/111/บทบาทของนักกายภาพบำบัดกับ%20Office%20Syndrome%20.pdf
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกกายภาพบำบัด
สถานที่
ชั้น 2
เวลาทำการ
จ-ศ : 08.00-20.00น. ส-อา : 08.00-18.00น.
เบอร์ติดต่อ
056-049899 ต่อ 581301